L แบบ SMD ตามรูปในบทความนี้เรียกว่า SMD Power Inductors จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมา ข้างในทำจากเส้นลวด (Wirewound) พันรอบแกนเฟอร์ไรต์ ส่วน L SMD อีกแบบที่เป็นตัวสี่เหลี่ยมเหมือน R SMD เรียกว่า Chip Inductors ขนาดของ L ค่อนข้างหลากหลายมีทั้งแบบขนาดมาตรฐานและแบบไม่มาตรฐานผลิตขึ้นเพื่อให้ได้ค่า L ตามที่วงจรต้องการ
% ความคาดเคลี่อนของ L
J = ±5 %
K = ±10 %
L = ±15 %
M = ±20 %
V = ±25 %
N = ±30 %
วิธีการอ่านค่า L แบบ SMD Power Inductors
มีวิธีการอ่านค่าเหมือนกับ R โดย ตัวเลขที่ 1 และตัวเลขที่ 2 เป็นตัวเลขตัวตั้ง ตัวเลขที่ 3 เป็นตัวคูณ
( หรือจำนวนเลขศูนย์ ) ตามด้วยตัวอักษรบอก % ค่าความคาดเคลื่อนซึ่งอธิบายไว้แล้วตามข้อมูลด้านบน ให้อ่านหน่วยออกมาเป็น μH
ตัวอย่างที่ 1
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 331 ทำการอ่านค่าได้ 33 x 10 = 330 μH ใช้เครื่องวัดพิสูจน์ค่า อ่านได้
0.33mH ( ความสามารถของเครื่องวัดที่มีวัด L ได้น้อยสุดเป็นหน่วย mH ) ทำการแปลงเป็นหน่วยที่เล็กกว่า 1 ระดับได้โดยคูณด้วย 1000 ดังนั้น 0.33mH x 1000 = 330μH
สรุปค่าที่อ่านได้จากรหัสตัวเลข และค่าที่เครื่องวัดได้เท่ากันจึงถูกต้อง
ตัวเหนี่ยวนำ แบบ SMD
ตัวอย่างที่ 2
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 330 ทำการอ่านค่าได้ 33 x 1 = 33 μH ใช้เครื่องวัดพิสูจน์ค่า อ่านได้
0.33mH ( ความสามารถของเครื่องวัดที่มีวัด L ได้น้อยสุดเป็นหน่วย mH ) ทำการแปลงเป็นหน่วยที่เล็กกว่า 1 ระดับได้โดยคูณด้วย 1000 ดังนั้น 0.33mH x 1000 = 33μH
สรุปค่าที่อ่านได้จากรหัสตัวเลข และค่าที่เครื่องวัดได้เท่ากันจึงถูกต้อง
ตัวอย่างที่ 3
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 101 ทำการอ่านค่าได้ 10 x 10 = 100 μH ใช้เครื่องวัดพิสูจน์ค่า อ่านได้
0.10mH ( ความสามารถของเครื่องวัดที่มีวัด L ได้น้อยสุดเป็นหน่วย mH ) ทำการแปลงเป็นหน่วยที่เล็กกว่า 1 ระดับได้โดยคูณด้วย 1000 ดังนั้น 0.10mH x 1000 = 100μH
สรุปค่าที่อ่านได้จากรหัสตัวเลข และค่าที่เครื่องวัดได้เท่ากันจึงถูกต้อง
ตัวอย่างที่ 4
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 4R7 R หมายถึงจุดทศนิยม ทำการอ่านค่าได้ 4.7μH ค่าน้อยระดับนี้เครื่องวัดที่มีไม่สามารถวัดค่าได้
ตัวอย่างที่ 5
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข R78N R หมายถึงจุดทศนิยม ทำการอ่านค่าได้ 0.78μH มี % ค่าความคาดเคลื่อน N = ± 30%
ตัวอย่างที่ 6
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 222M ทำการอ่านค่าได้ 22 x 100 = 2200 μH มี % ค่าความคาดเคลื่อน
M = ±20 %
จากการสำรวจข้อมูลในตลาดส่วนใหญ่แล้วการอ่านค่า L จะเป็นไปตามตัวอย่างข้างต้น แต่มีข้อยกเว้นและมีโอกาสพบน้อย คือผู้ผลิตบางรายกำหนดให้อ่านค่า L ออกมาเป็นหน่วย mH ( ตามตัวอย่างทั้งหมดให้อ่านค่าออกมาเป็น μH ) กรณีแบบนี้ก็ให้ยึดตามผู้ผลิตรายนั้น ๆ แจ้งให้ทราบไว้เผื่อมีการอ่านค่า L ที่ไม่เป็นไปตามหลักการส่วนใหญ่ที่นิยมกัน
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 330 ทำการอ่านค่าได้ 33 x 1 = 33 μH ใช้เครื่องวัดพิสูจน์ค่า อ่านได้
0.33mH ( ความสามารถของเครื่องวัดที่มีวัด L ได้น้อยสุดเป็นหน่วย mH ) ทำการแปลงเป็นหน่วยที่เล็กกว่า 1 ระดับได้โดยคูณด้วย 1000 ดังนั้น 0.33mH x 1000 = 33μH
สรุปค่าที่อ่านได้จากรหัสตัวเลข และค่าที่เครื่องวัดได้เท่ากันจึงถูกต้อง
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 101 ทำการอ่านค่าได้ 10 x 10 = 100 μH ใช้เครื่องวัดพิสูจน์ค่า อ่านได้
0.10mH ( ความสามารถของเครื่องวัดที่มีวัด L ได้น้อยสุดเป็นหน่วย mH ) ทำการแปลงเป็นหน่วยที่เล็กกว่า 1 ระดับได้โดยคูณด้วย 1000 ดังนั้น 0.10mH x 1000 = 100μH
สรุปค่าที่อ่านได้จากรหัสตัวเลข และค่าที่เครื่องวัดได้เท่ากันจึงถูกต้อง
ตัวอย่างที่ 4
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 4R7 R หมายถึงจุดทศนิยม ทำการอ่านค่าได้ 4.7μH ค่าน้อยระดับนี้เครื่องวัดที่มีไม่สามารถวัดค่าได้
ตัวอย่างที่ 5
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข R78N R หมายถึงจุดทศนิยม ทำการอ่านค่าได้ 0.78μH มี % ค่าความคาดเคลื่อน N = ± 30%
ตัวอย่างที่ 6
ที่ตัว L มีรหัสตัวเลข 222M ทำการอ่านค่าได้ 22 x 100 = 2200 μH มี % ค่าความคาดเคลื่อน
M = ±20 %
จากการสำรวจข้อมูลในตลาดส่วนใหญ่แล้วการอ่านค่า L จะเป็นไปตามตัวอย่างข้างต้น แต่มีข้อยกเว้นและมีโอกาสพบน้อย คือผู้ผลิตบางรายกำหนดให้อ่านค่า L ออกมาเป็นหน่วย mH ( ตามตัวอย่างทั้งหมดให้อ่านค่าออกมาเป็น μH ) กรณีแบบนี้ก็ให้ยึดตามผู้ผลิตรายนั้น ๆ แจ้งให้ทราบไว้เผื่อมีการอ่านค่า L ที่ไม่เป็นไปตามหลักการส่วนใหญ่ที่นิยมกัน
50 เรื่อง น่ารู้ อ่านต่อ ด้านล่างนี้
- ตัวเก็บประจุ คาปาซิเตอร์ (20) โดย (20) = มี 20 เรื่อง
- ตัวต้านทาน รีซิสเตอร์ (22)
- ตัวเหนี่ยวนำ อินดักเตอร์ (6)
- ฟิวส์ FUSE (5)
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อื่นๆ (20)